เคล (KALE) สุดยอดผักเพื่อสุขภาพ!!!

2021-08-02T11:59:07+07:00

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เคล - The queen of green” ราชินีแห่งผักใบเขียว เคลจัดเป็น Superfood สุดยอดผักเพื่อสุขภาพ ผักใบเขียวมาแรงที่มีประโยชน์ทางโภชนาการครบถ้วน เพราะเพียงรับประทานแค่นิดเดียวแต่มีประโยชน์เยอะ ได้คุณค่าทางโภชนาการมากมาย โดยรับประทานเคล 10 กรัม ก็ได้วิตามินเคที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายต่อวันแล้วล่ะค่ะ พบว่าประวัติศาสตร์ของการรับประทานเคลมีมานานมากกว่า 2 พันปีแล้ว แต่คนไม่รู้ว่าเป็นผักในตระกูลเคลและไม่ทราบว่ามีประโยชน์มากมาย ผักเคลมีอีกชื่อว่า “ผักคะน้าใบหยิก” เพราะมีใบหยิก เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ซึ่งนิยมมากในประเทศเมืองหนาว โดยเฉพาะประเทศสก็อตเเลนด์ให้ความสำคัญกับผักเคลเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงหน้าหนาวพืชผลบางอย่างปลูกไม่ได้ ยกเว้นผักเคลเจริญเติบโตได้ดีและมีประโยชน์มหาศาล ผักเคล 2 สายพันธุ์ยอดนิยมในประเทศไทย ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี

เคล (KALE) สุดยอดผักเพื่อสุขภาพ!!!2021-08-02T11:59:07+07:00

โรคลำไส้แปรปรวนหรือโรคไอบีเอส (IBS)

2020-03-01T23:49:15+07:00

โรคลำไส้แปรปรวนหรือโรคไอบีเอส (IBS; Irritable Bowel Syndrome) เป็นโรคลำไส้ที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคยนัก โรคลำไส้แปรปรวนกลายเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต และทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง โดยผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนจะมีอาการแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการท้องผูกเด่น บางรายอาจมีอาการท้องเสียเด่น แต่ทุกรายจะมีอาการปวดท้องเป็นอาการเฉพาะของโรค สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด เบื้องต้นพบว่ามีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง จึงถือเป็นโรคที่ควรทำความรู้จักและทำความเข้าใจเพื่อสังเกตตนเองและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดโรค อาการของโรคลำไส้แปรปรวน           ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนมักทรมานจากการปวดท้อง แต่เมื่อได้ถ่ายอุจจาระอาการปวดจะหายไปและสบายท้องมากขึ้น โดยส่วนใหญ่อาการปวดมักปวดเกร็งที่ท้องน้อย อาการปวดท้องแต่ละครั้งจะมีความรุนแรงไม่เท่ากัน บางครั้งปวดมาก บางครั้งปวดน้อย ร่วมกับการมีการขับถ่ายที่ผิดปกติ เช่น ท้องผูกหรือท้องเสีย หรืออย่างใดอย่างหนึ่งสลับกัน โดยแต่ละรายจะมีอาการหนึ่งอาการใด (ท้องผูก/ท้องเสีย) เด่นกว่าอีกอาการหนึ่ง อาการที่สำคัญของโรคไอบีเอส คือ ผู้ป่วยอาจรู้สึกถ่ายอุจจาระไม่สุด ท้องผูก

โรคลำไส้แปรปรวนหรือโรคไอบีเอส (IBS)2020-03-01T23:49:15+07:00

โรคแพ้กลูเตน (Coeliac Disease) โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

2020-02-06T10:32:19+07:00

กลูเตน (Gluten) เป็นโปรตีนในแป้งที่สามารถจับตัวเป็นโครงสร้างที่มีสมบัติต้านความหนืดและยืดหยุ่น โดยการเกิดพันธะไดซัลไฟด์ระหว่างโมเลกุลของกรดอะมิโน กลูเตน ประกอบด้วย โปรตีนกลูตินิน (Glutenin) ซึ่งมีสมบัติสำคัญต่อลักษณะความยืดหยุ่น และโปรตีนไกลอะดิน (Gliadin) เป็นโปรตีนที่สามารถละลายได้ในแอลกอฮอล์ล มีความสำคัญในการปรับและควบคุมลักษณะความข้นหนืดของกลูเตน พบได้ในข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ ซึ่งพบมากในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งข้าวสาลี เช่น เบเกอรี่ พาย เค้ก เป็นต้น อีกทั้งยังมักใช้เป็นส่วนประกอบในการทำเนื้อเทียมในอาหารมังสวิรัติและอาหารเจ

โรคแพ้กลูเตน (Coeliac Disease) โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม2020-02-06T10:32:19+07:00

เรื่อง​ อึ​ อึ​ ที่จำเป็นต้องรู้​ นั่งอึอย่างไร​ ไม่ให้ท้องผูก

2019-08-16T02:28:51+07:00

ท่านั่งขับถ่ายมีผลอย่างมากต่อการขับถ่ายอุจจาระ ท่านั่งที่ถูกต้องจะช่วยให้ลำไส้ตรงทำมุมได้ดีขึ้น​ เเละเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการขับถ่าย อีกทั้งยังช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลและไม่ล้า ภาพเปรียบเทียบ​ที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของลำใส้ใหญ่ ภาพขวาคือท่านั่งปกติ 90 องศาลำใส้ใหญ่ถูกรัดไว้ด้วยส่วนที่ควบคุมการขับถ่าย ทำให้ถูกบีบรัดขับถ่ายยาก ด้านซ้ายคือท่านั่ง​ 35​ องศา ลำใส้ถูกยืดตรง ง่ายต่อการขับถ่าย ในกรณีที่บางคนมีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายมากๆ แพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้การนั่งยอง หรือการใช้ห้องน้ำแบบส้วมซึมนั่นเอง เพราะนั่นคือการนั่งขับถ่ายในท่าที่ถูกต้อง และช่วยการขับถ่ายง่ายที่สุด และสำหรับการนั่งชักโครกในท่านั่งที่ถูกหลักนั้น อาจใช้​เก้าอี้ตัวเล็กวางรองเท้าเพื่อที่จะชันหัวเข่าขี้นมาให้ร่างกายทำมุม 35 องศาได้ เพื่อให้การนั่งขับถ่ายถูกวิธี​ หรือจะลองทำตามเทคนิคดังต่อไปนี้ นั่งสบายๆ บนส้วม โดยแยกขาทั้งสองข้างออกจากกันให้กว้างกว่าส่วนสะโพก วางเท้าทั้งสองข้างในแนวราบแนบไปบนม้าวางเท้าที่สูงจากพื้นประมาณ 20 เซนติเมตร โน้มตัวไปข้างหน้าและวางปลายแขนไปบนต้นขา ผ่อนคลายและหายใจปกติ อย่ากลั้นหายใจ ทำให้เอวคุณขยายออก โดยยื่นกล้ามเนื้อหน้าท้องคุณออกมา

เรื่อง​ อึ​ อึ​ ที่จำเป็นต้องรู้​ นั่งอึอย่างไร​ ไม่ให้ท้องผูก2019-08-16T02:28:51+07:00
Go to Top