หิวก็แสบท้อง อิ่มแล้วก็ยังแสบท้อง ตอนกลางดึกก็ยังจะแสบท้องอยู่อีก ยิ่งเวลาเครียด ๆ ด้วยแล้วยิ่งปวดแสบเลย อาการแสบท้องเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเกิดจากความหิวหรือหลังรับประทานอาหาร บางครั้งอาการนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงกลางดึกหรือเมื่อเกิดความเครียด ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเรื้อรังโดยไม่ดูแล อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุและวิธีดูแลอาการแสบท้องกันค่ะ
สาเหตุของอาการแสบท้อง
โรคกระเพาะอาหาร
โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดแสบท้องติดอันดับต้น ๆ ของคนไทยเรา สาเหตุเกิดได้จากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ตรงเวลา การรับประทานอาหารรสจัดติดต่อกันนาน ๆ ความเครียด ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดแผล มีการอักเสบ บวม แดง หรือเกิดจากการติดเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ซึ่งทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังต่อเนื่องนานเป็นเดือนหรือเป็นปี
อาการที่เห็นได้ชัดของโรคกระเพาะอาหารทั้งฉับพลันและเรื้อรังนี้ คือ อาการปวดแสบท้องบริเวณกระเพาะอาหารหรือใต้ลิ้นปี่ ท้องอืด แน่นท้องทั้งที่ไม่ได้กินอาหาร
เบื้องต้นการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตนเอง โดยการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัดหรือเผ็ด รับประทานอาหารอ่อน ๆ รับประทานสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการและเสริมความแข็งแรงของกระเพาะอาหาร เช่น กล้วยดิบ ขมิ้นขัน ขิง และโยเกิร์ตเป็นต้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงความเครียดด้วยนะคะ อย่างไรก็ตาม หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคว่าเกิดจากมีเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรหรือไม่ หากมีเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวจะต้องทานยาฆ่าเชื้อเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในกระเพาะอาหารนี้ให้หมดไป แพทย์อาจให้ยาต้านการหลั่งกรด และยารักษาแผลในกระเพาะอาหารร่วมด้วย ซึ่งต้องกินติดต่อกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ค่ะ
โรคกรดไหลย้อน หรือ GERD
โรคกรดไหลย้อนเป็นโรคยอดฮิตของคนทำงานยุคนี้เลยค่ะ ส่วนใหญ่เกิดจากจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา โดยเฉพาะคนที่ชอบทานดึก ๆ และเข้านอนทันที
โรคกรดไหลย้อน เกิดจากภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่บริเวณหลอดอาหาร ทำให้มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ เกิดได้ทั้งจากมีกรดเกินในกระเพาะอาหารจนไหลย้อนขึ้นมา หรืออาจเกิดจากหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายที่ต่อกับกระเพาะอาหารหย่อนคล้อยทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาด้านบนหลอดอาหารได้
วิธีดูแลและป้องกันอาการแสบท้อง
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร:
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด อาหารมัน อาหารที่มีกรดสูง เช่น น้ำส้ม หรืออาหารเผ็ดจัด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม เพราะจะทำให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น
- หลังรับประทานอาหารควรเว้นระยะเวลาก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อลดการเกิดกรดไหลย้อน
- การดูแลสุขภาพจิต:
- ลดความเครียดด้วยการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการพูดคุยกับคนใกล้ชิด
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่มีคุณภาพจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- การดูแลด้วยสมุนไพร:
- กล้วยดิบ: กล้วยดิบเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีสารเพกทิน (Pectin) ซึ่งช่วยเสริมสร้างเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรงขึ้น
- ขมิ้นชัน: ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมินอยด์ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร และเสริมความสมดุลของระบบทางเดินอาหาร
- ขิง: ขิงช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสบายท้อง และช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้
ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยดูแลระบบทางเดินอาหาร
ผงกล้วยดิบออร์แกนิคตรา “น้ำว้า” ผลิตจากกล้วยดิบออร์แกนิคแท้ 100% ซึ่งสามารถรับประทานร่วมกับผงขิงออร์แกนิคสำเร็ปรูปตราจินเจอร์ริกได้ ทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้มีสารอาหารที่ช่วยเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกระเพาะอาหารและระบบย่อยอาหารในระยะยาว
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วอาการแสบท้องยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการปวดแสบรุนแรง หรือต้องการคำแนะนำเรื่องการใช้ยาและการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม
เลือกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่คุณวางใจ เลือกผงกล้วยดิบออร์แกนิคตรา “น้ำว้า” และผงขิงออร์แกนิคตราจินเจอร์ริก เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณค่ะ
สนใจ ผลิตภัณฑ์ของ “น้ำว้า” เพิ่มเติม กดที่รูปได้เลยค่าาา
เอกสารอ้างอิง: