รู้หรือไม่!! กล้วยน้ำว้า​ 4 สีมีประโยชน์​อย่างไร

2024-01-23T15:00:46+07:00

กล้วยน้ำว้า เป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ง่ายและรับประทานกันมานานแล้ว แต่หลายคนอาจจะชินกับการรับประทานกล้วยสุก แต่ทราบหรือไม่ว่า กล้วยน้ำว้ามีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด ทั้งให้พลังงาน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน โพแทสเซียม วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าจะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงวัย (สี) มีดังนี้ ผลดิบ​ (เปลือกสีเขียว)​ แก้โรคกระเพาะ​ เนื่องจากมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบรักษากระเพาะและลำไส้ป้องกันการติดเชื้อ และกล้วยดิบเป็นมารฟลาโวนอยด์ธรรมชาติ คือ ลิวโคไซยานิดิน (leucocyanidin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้โดยช่วยเพิ่มการหลั่งเมือกในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้แล้วสารเมธาโนลิก (methanolic extract) ที่ได้จากการสกัดกล้วยดิบยังมีคุณสมบัติในการรักษาแผลด้วยเช่นกัน ผลห่าม​ (เปลือกมีสีเขียวอมเหลือง)​ แก้ท้องเสีย​ เนื่องจากในกล้วยน้ำว้ามีคาร์โบไฮเดรตจากกล้วยที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้นั้น เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเหล่าจุลินทรีย์โปรไบโอติกซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่พบในลำไส้ ช่วยให้จุลินทรีย์ชนิดนี้เพิ่มจำนวนขึ้น และยังอุดมไปด้วยสารแทนนิน

รู้หรือไม่!! กล้วยน้ำว้า​ 4 สีมีประโยชน์​อย่างไร2024-01-23T15:00:46+07:00

ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤต (HACCP) คืออะไร

2019-08-05T02:14:17+07:00

Hazard Analysis Critical Control Point เขียนย่อว่า HACCP คือ การวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร หลักการของ HACCP จะเป็นระบบป้องกันเเละมุ่งเน้นถึงการประเมิน และวิเคราะห์อันตรายที่อาจปนเปื้อนในอาหาร ได้แก่ อันตรายทางชีวภาพ เคมี​ กายภาพ​ จุลินทรีย์ก่อโรค​ การมีระบบตรวจติดตาม การแก้ไข และการทวนสอบวิธีการผลิตอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภค ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤต (HACCP) เป็นระบบคุณภาพอาหารที่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งการที่ผู้ผลิตจะดําเนินการจัดทําระบบนี้ ต้องมีพื้นฐานในเรื่องระบบ GMP ที่ดีเสียก่อน ปัจจุบันในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ ยอมรับว่าระบบบริหารคุณภาพเป็นระบบที่ให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ระยะยาว ประโยชน์ของระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤต (HACCP) เป็นระบบที่ให้ความปลอดภัยกับอาหาร โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การรับวัตถุดิบ

ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤต (HACCP) คืออะไร2019-08-05T02:14:17+07:00

หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร GMP คืออะไร

2019-08-05T01:58:23+07:00

ในปัจจุบันการที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าเพื่อการบริโภค นอกจากจะเลือกซื้อที่รูปลักษณ์ภายนอกของบรรจุภัณฑ์ ความน่าเชื่อถือของตราสินค้า และเลขสารบบ อย. ที่สามารถตรวจสอบได้แล้ว มาตรฐานการผลิตของโรงงานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะกว่าจะมาเป็นสินค้าพร้อมรับประทานได้นั้น โรงงานที่ผลิต ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ ตั้งแต่วัตถุดิบ สถานที่ตั้ง โครงสร้างอาคาร เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ ตลอดจนระบบสุขาภิบาล การบำรุงรักษา และบุคลากรต่างๆ ต้องผ่านหลักเกณฑ์ทั้งหมด โดยหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice : GMP) เป็นระบบประกันคุณภาพพื้นฐานที่โรงงานผลิตอาหารเพื่อการบริโภคทุกแห่ง ควรได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice : GMP) GMP คือ หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการ ผลิตอาหาร ซึ่งเป็นเกณฑ์หรือข้อกําหนดขั้นพื้นฐานที่จําเป็นในการผลิตและควบคุม

หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร GMP คืออะไร2019-08-05T01:58:23+07:00

ผลไม้ที่คนเป็นกรดไหลย้อนทานได้

2021-11-11T11:15:13+07:00

คนที่เป็นกรดไหล​ย้อน​ หรือมีคนใกล้ตัวเป็นคงทราบดีว่า เมื่อเป็นกรดไหล​ย้อน​เเล้วต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินอย่างมาก นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้​ เพราะถ้าเผลอตามใจปากอาจจะทำให้อาการกำเริบได้ทันที แม้กระทั่งผลไม้ ที่เป็นอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ ก็ยังเลือกกินได้แค่บางชนิดเท่านั้นเอง แล้ว ผลไม้สำหรับคนเป็นกรดไหล​ย้อน​ มีอะไรบ้าง? ชนิดไหนกินดี ชนิดไหนกินไม่ได้ วันนี้น้ำว้าจะมาบอกค่ะ ผลไม้ที่​คนเป็น​กรดไหลย้อนทานได้ แอปเปิ้ล​ มะละกอ แตงโม แก้วมังกร​ อโวคาโด เมลอน ลูกพรุน ลูกพีช ลูกแพร์​ เเละ ​กล้วยน้ำว้า​ ผลไม้ที่มีค่าความเป็นกรดต่ำหรือเป็นด่าง จะช่วยทำให้ค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารมีความเป็นกลางมากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการจากกรดไหลย้อนได้​ เเละมีสรรพคุณ​ฤทธิ์​เย็น​ในกระเพาะ​ แต่จะมีฤทธิ์ร้อนที่ลำไส้ในการช่วยย่อยอาหาร ใช้เคลือบลำไส้ได้ดี เพราะจะเป็นเมือกเมื่ออยู่ในลำไส้ ผลไม้ที่ควรเลี่ยง

ผลไม้ที่คนเป็นกรดไหลย้อนทานได้2021-11-11T11:15:13+07:00

รู้ทัน‼ สัญญาณเตือนโรคกระเพาะอาหาร

2019-07-30T23:44:17+07:00

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโรคกระเพาะ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลันในระยะเวลารวดเร็ว เป็นในระยะสั้น ๆ และหายภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานานจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดแผล และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นโรคไม่ร้ายแรง เเต่เป็นโรคเรื้อรัง​ ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแตกต่างกันหรือไม่พบความผิดปกติใด ๆ เราลองมาดูกันว่าอาการที่เราเป็นเข้าข่ายโรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือไม่​ เพื่อเราจะได้รักษาได้ทันท่วงที รู้สึกปวดท้องเมื่อท้องว่าง​ บริเวณท้องส่วนบน ตั้งแต่บริเวณใต้ลิ้นปี่ลงไปถึงเหนือสะดือ อาการอาจดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าเดิมหลังรับประทานอาหาร ท้องอืด​ อิ่มง่าย​ อิ่มเร็ว รับประทานอาหารได้ไม่มาก​ ไม่มีความอยากอาหาร​ อาจมีอาการเรอบ่อย มีอาการท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยร่วมด้วย ปวดท้องเวลาดึก​ รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน ปวดแสบร้อนท้อง

รู้ทัน‼ สัญญาณเตือนโรคกระเพาะอาหาร2019-07-30T23:44:17+07:00

สุราส่งผลต่อกระเพาะอาหารอย่างไร ❓

2019-07-30T23:30:51+07:00

กระเพาะอาหาร หมายถึง โรคที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะอาหาร ถึงแม้ว่าคนที่เป็นโรคนี้แล้วจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ส่วนมากมักจะเป็นเรื้อรัง ถ้าไม่รักษาหรือปฏิบัติตัวให้ถูกต้องจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ผู้ที่ดื่มสุรา มักจะพบว่าตนเองมีอาการปวด แสบ จุกท้องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ดื่มอย่างเรื้อรัง และดื่มขณะท้องว่าง อาการดังกล่าวเกิดเนื่องจาก แอลกอฮอล์ส่วนมากจะไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดในทันที แต่จะถูกดูดซึมเข้าสู่บริเวณลำไส้เล็ก แล้วจึงเข้าสู่กระแสเลือด ในช่วงที่แอลกอฮอล์อยู่ในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก จะทำให้ความเป็นกรดของ อวัยวะทั้งสองเพิ่มมากขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อบุชั้นบนสุด ซึ่งเป็นชั้นที่ปกป้องกระเพาะอาหารจากการย่อยของกรดถูกทำลาย ทำให้กรดในกระเพาะไปทำลายเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆที่อยู่ลึกเข้าไปของกระเพาะอาหาร เกิดเป็นอาการปวดแสบ ปวดร้อน และเกิดการอักเสบที่เนื้อเยื่อบริเวณนั้นจนกลายเป็นโรคกระเพาะในที่สุด การเกิดโรคกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่ดื่มสุรา​ พบได้ทั้งแบบเรื้อรัง และเฉียบพลัน อาการที่พบได้ทั่วไปในรายที่มีโรคกระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน คือมีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณท้องช่วงบน บางครั้งพบว่า มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

สุราส่งผลต่อกระเพาะอาหารอย่างไร ❓2019-07-30T23:30:51+07:00

ประโยชน์จากการทานกล้วยน้ำว้าดิบ

2019-08-08T10:23:39+07:00

💚 มีคุณสมบัติเป็นแป้งที่ทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์ (resistant starch) ช่วยลดอัตราการดูดซึมและ การเปลี่ยนเป็นพลังงาน ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานที่ต่ำลง 💚 รีซิสแทนต์สตาร์ชของกล้วย ยังมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ซึ่งเป็น อาหารที่ดีสำหรับจุลินทรีย์กลุ่มที่ดีในลำไส้ ส่งผลให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติดี ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคในระบบทางเดินอาหาร 💚 มีสารแทนนิน มีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษาอาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ 💚 เป็นแหล่งของโพแทสเซียม ช่วยรักษาสมดุลแร่ธาตุและสมดุลของกรด – ด่าง ในร่างกาย ป้องกันภาวะกรดเกิน ในกระเพาะอาหาร (hyperacidity) และยังช่วยควบคุมความดัน โลหิตที่สูงและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย 💚 มีใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้าและไม่ละลายน้ำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล ช่วยในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเนื้อของอุจจาระได้ จึงช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น 💚 นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัย ยังพบว่า

ประโยชน์จากการทานกล้วยน้ำว้าดิบ2019-08-08T10:23:39+07:00

4 เหตุผล ที่คนเป็นโรคกระเพาะไม่ควรดื่มน้ำอัดลม

2019-07-30T00:35:06+07:00

น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร แต่ให้พลังงานและความอิ่มแก่ร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยน้ำอัดลมปริมาณ 1 ลิตร ให้พลังงาน 424 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลักๆ 3 อย่าง คือ น้ำ, น้ำตาล และสารปรุงแต่งกลิ่นและสี อีกทั้งยังมีกรดคาร์บอนิกที่อัดใส่เข้าไป เพื่อให้มีความซ่าเกิดเป็นฟอง สร้างความสดชื่นขณะดื่ม รวมถึงกรดฟอสฟอริก คาเฟอีน และสารกันบูดอีกด้วย เหตุใดผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม หากเราดื่มน้ำอัดลมในเวลาใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหาร หรือในระหว่างรับประทานอาหาร จะทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติได้ โดย​ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อัดในน้ำอัดลมที่เกิดเป็น​กรดคาร์บอนิก เป็นกรดที่ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร อาจเกิดอาการปวดท้อง ทำให้ท้องอืด และปวดท้องเนื่องจากเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร กรดฟอสฟอริก​ ที่อยู่ในน้ำอัดลม​ ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะ ละลายตะปูได้ภายใน 4

4 เหตุผล ที่คนเป็นโรคกระเพาะไม่ควรดื่มน้ำอัดลม2019-07-30T00:35:06+07:00

ช็อกโกแลต อร่อยถูกปาก แต่ไม่ถูกใจกรดไหลย้อน

2019-07-30T00:17:15+07:00

ช็อกโกแลตคือ เมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน (Tropical Cacao Tree) โดยเป็นส่วนผสมระหว่างเมล็ดโกโก้ กับเนยโกโก้หรือไขมันของเมล็ดโกโก้ ปัจจุบันช็อกโกแลต​มีหลากหลายรูปแบบเเละหลายรสชาติ​ แล้วจริงหรือที่ว่า กินช็อกโกแลตแล้วมีผลต่อกรดไหลย้อน​ 1. ช็อกโกแลตมี​สารเมทิลเเซนทีน​ (Methyl-xanthine) ซึ่งมีรายงานว่าทำให้หูรูดหลอดอาหาร​มีการคลายตัวมากขึ้น​ โดยกล้ามเนื้อหูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร ที่ทำหน้าที่ป้องกันกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมีความดันของหูรูดต่ำหรือเปิดบ่อยขึ้น ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารมากขึ้น 2. ช็อกโกแลต​มีส่วนผสมของ​โกโก้​ (Cocoa) โดยช็อกโกแลตแท่งไหนทำจ­ากโกโก้แท้และยิ่งเข้มข้นเท่าไรปริม­าณ​คาเฟอีน​ก็จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งคาเฟอีนจะไปเพิ่มการหลั่งของน้ำย่อยเเละกรดในกระเพาะ​อาหาร​มากยิ่งขึ้น 3. ช็อกโกแลต​มี​เนยโกโก้​ (Cocoa butter) เป็นส่วนผสม​ โดยเนยโกโก้เป็น#ไขมันชนิดหนึ่งที่ทำให้ช็อกโกแลต​ขึ้นรูปได้​ เนยโกโก้มีไขมันที่สูง​ที่ทำให้กระเพาะใช้เวลาในการย่อยอาหารนานขึ้น​ เเละไขมันนี้จะไปรวมกับกรดในกระเพาะ​อาหาร​ ทำให้เกิดอาการจุก​ แน่น​ หรือร้อนที่กลางอกได้

ช็อกโกแลต อร่อยถูกปาก แต่ไม่ถูกใจกรดไหลย้อน2019-07-30T00:17:15+07:00

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค​กรด​ไหล​ย้อน

2019-07-30T00:05:26+07:00

โรคกรดไหลย้อน (GERD) พบได้ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้ใหญ่ เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกหรืออาการขย้อนจนรบกวนชีวิตประจำวันได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค​กรด​ไหล​ย้อน​ ได้แก่ การทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหาร (Lower Esophageal Sphincter - LES) ทำให้กรดหรือน้ำย่อยภายในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาบริเวณหลอดอาหารจนสร้างความระคายเคืองกับผนังของหลอดอาหาร มีปริมาณกรดค้างอยู่ในหลอดอาหารนานกว่าปกติ เนื่องจากกลไกในการกำจัดกรดในหลอดอาหารผิดปกติ กระเพาะอาหารบีบตัวลดลงเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ การมีแรงดันในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น จึงดันให้หูรูดเปิดหรือปิดไม่สนิท ทำให้อาหารหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปที่หลอดอาหาร ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบ การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ได้แก่​ อาหารรสจัด เผ็ดจัด​ ไขมัน อาหารผัดหรืออาหารทอดที่อมน้ำมัน​ กระเทียม หัวหอม สะระแหน่ เปปเปอร์มินต์ ​ช็อกโกแลต​ ผลไม้เปรี้ยว น้ำผลไม้รสเปรี้ยว

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค​กรด​ไหล​ย้อน2019-07-30T00:05:26+07:00
Go to Top